Web for Absolute Reality - วิชชาธรรมกายกับการสะกดจิต 4
  Home
  Contact
  Guestbook
  ปราบมารจริงหรือไม่จริง1/1
  วิชชาธรรมกายกับการสะกดจิต 1
  => วิชชาธรรมกายกับการสะกดจิต 2
  => วิชชาธรรมกายกับการสะกดจิต 3
  => วิชชาธรรมกายกับการสะกดจิต 4
  "นิพพานเป็นอัตตา" โง่หรือแกล้งโง่?1
  ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา1
  "อนัตตา" เข้าใจกันถูกต้องดีแล้วหรือ?1
  นิพพานกับความหมายตรงตัว1

ก่อนที่จบบทความชิ้นนี้ ผมอยากจะให้ข้อคิดกับบุคคลทั้งหลายเกี่ยวกับการสอนให้เด็ก เห็น ดวงธรรม/กายธรรมในท้องเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีให้เกิดขึ้นแก่วงสังคมของการปฏิบัติธรรม ซึ่งผมคิดว่าจะทำให้สังคมไทยดีขึ้นแน่ๆ ในอนาคต  ในประเด็นนี้ ผมจะกล่าวถึงหลักการจากทฤษฎีประโยชน์นิยม คือ ทฤษฎีที่คำนึงถึงวัตถุประสงค์หรือประโยชน์เป็นหลัก  หลักการทางเศรษฐศาสตร์ก็นิยมใช้ ทฤษฎีประโยชน์นิยมเป็นแนวคิดพื้นฐาน

จากที่กล่าวมาข้างต้น การสอนวิชชาธรรมกายของกลุ่มคุณลุงการุณย์นี้ สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากและสอนได้ปริมาณมากจริง จึงเกิดข้อโต้แย้งที่ว่า เป็นการสะกดจิต เกิดขึ้น อันที่จริงก่อนหน้านี้หลายปีมาแล้ว  ก็มีการโจมตีว่า สิ่งที่ผู้ฝึกปฏิบัติธรรมในสายวิชชาธรรมกาย เห็น นั้น เห็นไม่จริง  ไม่ว่าจะเป็นดวงธรรมหรือกายธรรมก็ตาม คือ โจมตีไปที่ การเห็น ว่าเป็นการไม่เห็น หรือนึกไปเองทำนองนั้น

ข้อโต้แย้งที่เกี่ยวกับ การเห็น ถูกตีตกไป ด้วยคำถามที่ว่า ผู้ที่โจมตีนั้นจะไปรู้ดีกว่าคนที่นั่งปฏิบัติธรรมได้อย่างไร  เพราะ ส่วนใหญ่แล้ว คนที่โจมตีหรือโต้แย้งมักเป็นนักวิชาการ/นักปริยัติที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม   เมื่อถูกตีโต้กลับมาเช่นนั้น  กลุ่มพุทธวิชาการ/นักวิชาการ/นักปริยัติแต่เพียงอย่างเดียวก็หันมาโจมตีใหม่ คือ โจมตีว่า สิ่งที่เห็น ไม่จริง คือ เปลี่ยนจากการโจมตีการเห็น มาเป็นสิ่งที่เห็นคือ ดวงธรรม/กายธรรมว่า ไม่จริง แต่ยอมรับว่ามีการเห็นจริงๆ  สรุปด้วยภาษาง่ายๆ ว่า ผู้ปฏิบัติธรรมสายวิชชาธรรมกาย เห็น จริงๆ แต่ สิ่งที่เห็น ไม่ใช่ของจริง  อาจจะเป็นจินตนาการ หรืออะไรก็ว่าไป

กลับมาเข้าเรื่องเข้าประเด็นของเรา  ผมเชื่อว่า ทุกคนไทยทุกคนอยากให้สังคมของเราดีขึ้น จากปัจจุบันนี้แน่ๆ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวงการศึกษาและวงการปฏิบัติธรรม  การที่วิชชาธรรมกายสอนให้เด็ก นึก และ เห็น ดวงธรรม/กายธรรมในท้องได้  แล้วทำให้เด็กนักเรียน/นักศึกษาเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางดีได้  ทำไมเราไม่สนับสนุนให้ทำกันให้ทั่วถึงไปทั่วประเทศ

ผมขอยืนยันว่า จากการสอนเด็กมาเป็นหมื่นๆ คน สังเกตอย่างมีส่วนร่วม เพราะสอนเอง และสังเกตอย่างไม่มีส่วนร่วมด้วย คือจากการไปสังเกตการณ์การสอนของวิทยาการคนอื่น  สัมภาษณ์เด็กเอง สัมภาษณ์ครูผู้สอน และทำวิจัยเอง  การให้เด็กฝึกวิชชาธรรมกาย เด็กที่สามารถเห็นดวงธรรม/กายธรรมเปลี่ยนพฤติกรรมดีขึ้นอย่างทันตาเห็น และพฤติกรรมของเด็กเปลี่ยนไปในทำนองดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย ไม่ใช่ดีเฉพาะตอนฝึกอย่างเดียว หลังจากผ่านการฝึกปฏิบัติธรรมไปแล้ว พฤติกรรมดีของเด็กยังคงทนต่อไป

ดังนั้น ในย่อหน้านี้ ผมจะไม่ขอถกเถียงว่า ดวงธรรม/กายธรรมที่เด็กเห็นเป็นจริงหรือไม่จริง เพราะ ทฤษฎีประโยชน์นิยมไม่ได้คำนึงถึงในประเด็นนี้  ประเด็นนี้เอาไว้ไปถกเถียงกันในบทความอื่นๆ  เด็กอาจจะ จินตนาการ ไปเองจากการกล่าวชักนำของวิทยากร  แต่การที่เด็กมีจินตนาการเห็น พระ ในตัว เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่หรือ!!!!!

พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ มีพระบูชามีพระเครื่องไว้คล้องคอ เพื่อระลึกถึงพระ ต้องการให้พระคุ้มครอง  ในเมื่อเด็กนักเรียน/นักศึกษาสามารถจินตนาการ เห็นพระ ในตัวของเด็กได้ ก็เป็นสิ่งที่ดีงาม ที่ถูกต้องไม่ใช่หรือ!!!!!

บทความนี้ ผมขอจบแบบลงท้ายให้คิดแบบนี้แหละครับ. 

 

มนัส โกมลฑา

Ph.D. (Integrated Sciences/สหวิทยาการ)

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

นครราชสีมา

Email: komoltha4299@gmail.com;komoltha4299@yahoo.com

Web site: http://komoltha.page.tl

Today, there have been 1 visitors (1 hits) on this page!
This website was created for free with Own-Free-Website.com. Would you also like to have your own website?
Sign up for free